การจัดตกแต่งร้านและการจัดวางสินค้าอาหารสำเร็จรูปตามหลักสุขาภิบาล การจัดตกแต่งร้านค้า มีความสำคัญค้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.
แสงสว่างภายในร้าน แสงสว่างธรรมชาติมักไม,เพียงพอและแสงแดดมักทำความเสียหาย ให้แก,สินค้า การใช้แสงไฟฟ้า แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็จูงใจลูกค้าให้เช้ามาซื้อสินค้าไต้มากกว่าร้านที่
ดูมั่วชั่ว ในร้านควรเลือกใช้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก่อนตัดสินใจเรื่องแสงสว่างควรเว่าค่าไฟฟ้า จะเป็นสักเท่าใด และต้องใช้จำนวนกี่ดวงถึงจะคุ้มค่ากับการขายสินค้าด้วย
2.
การตกแต่งสีภายนอกและภายในร้าน นอกจากการทาสีร้านค้าให้สดใสสว่าง สวยงามแล้ว สีของหีบห่อ และตัวสินค้าก็สามารถนำมาตกแต่งให้ร้านค้าลูดีขั้นจะต้องให้ผู้คนเห็นสินค้า ชัดเจนและ สวยงาม
3.
การจัดวางสินค้าบริเวณทางเข้าร้านใกล้ๆ ทางเข้าร้าน เป็นที่เหมาะสำหรับจัดวางสินค้าที่ ต้องการเสนอขายเป็นพิเศษ เพราะเป็นที่ที่ลูกค้าทุกคนต้องเดินผ่านเข้าออก จึงต้องจัดสินค้าไว้บริเวณนี้ให้ เตะตาจริง ๆ โดยเฉพาะบริเวณโต๊ะชำระเงินที่ลูกค้าเข้าแถวรอที่จะชำระเงิน ควรหาของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลูกค้าอาจลืมซื้อมาจัดวางไว้
4.
การจัดหมวดหมู่ของสินค้า สินค้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน หรือใช้ร่วมกันจะต้องจัดวางไว้ ด้วยกัน เช่น นี้าดื่ม เครื่องดื่มประเภทนี้าอัดลม ประเภทขนมปงสดและเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น
5.
การติดป้ายบอกประเภทของสินค้า เพื่อให้เว่าสินค้าอยู่ที่ใด เป็นการติดป้ายบอกชนิดของ สินค้าตามที่จัดไว้ เป็นหมวดหมู,แล้วเพื่อสะดวกในการค้นหาสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ อาจจะติดไว้ตาม ผนังห้อง และกึ่งกลางเหนือชั้นวางของ สินค้าใดวาง ณ จุดใด ควรวางอยู่เป็นประจำ และไม,ควร เปลี่ยนแปลงที่วางสินค้าบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ลูกค้าต้องเสียเวลาค้นหาในครั้งต่อไปที่แวะเช้ามาซื้อ สินค้าที่ร้าน
6.
การติดป้ายราคาสินค้า ป้จจุบันลูกค้าส่วนใหญ่มักสนใจในรายละเอียดของสินค้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งรูปแบบของบรรจุกัณฑ์ ชื่อสินค้า คำแนะนำการใช้ผลิตกัณฑ์นั้นๆ วันผลิตและวันหมดอายุ ดังนั้น จะต้องติดป้ายบอกราคาเพิ่มให้กับตัวสินค้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดลงไปด้วย คือ ต้องติดราคาบอกไว้บนตัว สินค้าทุกชิ้นให้ ชัดเจนพอที่ลูกค้าและพนักงานเก็บเงินจะอ่านไต้ หรือ สินค้าบางประเภทที่ขายกันเป็น จำนวนมาก อาจจะติดราคาในรูปของแผ่นป้ายหรือโปสเตอร์ จะเป็นการช่วยประหยัดแรงงานและเวลาไต้ หากเป็นสินค้าชนิดเดียวกันแด,ต่างยี่ห้อกัน อาจจะติดราคาไว้ที่ชั้นวางสินค้าจะช่วยให้ลูกค้าเห็นและ เปรียบเทียบราคากันไต้ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาและแรงงานในการติดราคากันใหม่ เมื่อสินค้ามีราคา เปลี่ยนแปลงใหม่ แด,ก็เป็นการให้ประโยชน์และรายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงความสะดวกกับลูกค้า ทั้งยังเป็นการสะดวกในการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าอีกด้วย
การจัดวางสินค้า มีความสำคัญต่อการจูงใจลูกค้าให้เลือกซื้อสินค้า เพื่อให้สะดวกและเกิดความ พึงพอใจควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.
ความพึงพอใจของลูกค้า
2.
จัดสินค้าไว้ในบริเวณที่เราจะขาย
3.
จัดสินค้าไว้ในระดับสายตาให้มากที่สุด
4.
จัดสินค้าด้านหน้าบนชั้นให้เต็มอยู่เสมอ
5.
ชั้นปรับระดับได้ตามขนาดของสินค้าจะเป็นการดี
6.
การใช้กล่องหนุนสินค้าให้ดูงดงามแม้จะมีสินค้าไม,มากนัก
7.
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย สินค้าบางชนิด มีหลายแบบ หลายขนาด ควรจัดให้เป็นระเบียบ สะดวกในการเปรียบเทียบของลูกค้า ดังนั้น สินค้าที่เหมือน ๆ คันควรเอาไว้ด้วยคัน และควรจัดตาม แนวนอนอยู่ในระดับเดียวคันหรือจะจัดในแนวดิ่งด้วยก็ได้
8.
สินค้ามาก่อนต้องขายก่อน เราต้องขายสินค้าเก่าก่อนสินค้าใหม่เสมอ พยายามวางสินค้ามาก่อน ไว้แถวหน้าเสมอ ควรทำสินค้าที่มาก่อนให้ลูสดใสสะอาดเหมือนสินค้าใหม่
9.
ปองคันหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของสินค้า โดยการจัดวางผังทางเดินภายในร้านให้ลูกค้าเดินไปมา ได้สะดวก คือ หยิบก็ง่าย หายก็รู้ สินค้าบุบ ชำรุด ใกล้หมดอายุควรจัดเป็นสินค้าลดราคาพิเศษ ล้างสต็อก ด้วยการจัดแยกขายไว้ต่างหาก
การจัดการและดูแลคลังสินค้าตามหลักสุขาภิบาล
การจัดการคลังสินค้า เป็นการจัดการในการรับ การจัดเก็บ หมายถึง การจัดส่งสินค้าให้ผู้รับ เพื่อกิจกรรมการขาย เปาหมายหลักในการบริหาร ดำเนินธุรกิจ ในส่วนที่เกี่ยวช้องคับคลังสินค้า ก็เพื่อให้เกิดการดำเนินการเป็นระบบให้คุ้มคับการลงทุน การควบคุมคุณภาพของการเก็บ การหยิบสินค้า การป้องคัน ลดการสูญเสียจากการดำเนินงานเพื่อให้ด้นทุนการดำเนินงานตํ่าที่สุด และการใช้ประโยชน์ เต็มที่จากพื้นที่
คุณลักษณะเพื่อความเป็นเลิศในงานขาย
การบริการที่ดีจะเกิดขึ้นจากตัวบุคคล โดยอาศัยทักษะ ประสบการณ์ เทคนิคต่าง ๆ ที่จะทำให้ ผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจ และอยากกลับเช้ามาใช้บริการอีก มีดังต่อไปนี้
•
ต้องมีจิตใจรักในงานด้านบริการ (Service Mind) ผู้ให้บริการต้องมีความสมัครใจทุ่มเททั้ง แรงกายและแรงใจ มีความเสียสละ ผู้ที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ต้องมีใจรักและชอบในงานบริการ
•
ต้องมีความรู้ในงานที่,ให้บริการ (Knowledge) ผู้ให้บริการต้องมีความเในงานที่ตนรับผิดชอบ ที่สามารถตอบข้อซักถามจากผู้รับบริการได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ในเรื่องของสินค้าที่นำเสนอ เพื่อมิให้เกิดความผิดพลาด เสียหายและต้องขวนขวายหาความเจาก เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่าง สมํ่าเสมอ
•
มีความช่างสังเกต (Observe) ผู้ทำงานบริการจะต้องมีลักษณะเฉพาะตัวเป็นคนมีความช่าง สังเกต เพราะหากมีการรับเว่าบริการอย่างไรจึงจะเป็นที่พอใจของผู้รับบริการก็จะพยายามนำมา
คิดสร้างสรรค์ ให้เกิดบริการที่ดียิ่งขึ้น เกิดความพอใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าหรือ ผู้รับบริการไต้ มากยิ่งขึ้น
•
ต้องมีความกระตือรือร้น (Enthusiasm) พฤติกรรมความกระตือรือร้น จะแสดงถึงความมีจิตใจ ในการต้อนรับ ให้ช่วยเหลือแสดงความห่วงใย จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดี ในการช่วยเหลือผู้รับบริการ
•
ต้องมีกิริยาวาจาสุภาพ (Manner) กิริยาวาจาเป็นสิ่งที่แสดงออกจากความคิด ความรู้สึกและ ส่งผลให้เกิดบุคลิกภาพที่ดี ตังนั้น เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้รับบริการมีความสบายใจที่จะติดต่อขอรับบริการ
•
ต้องมีความกิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creative) ผู้ให้บริการควรมีความคิดใหม่ ๆ ไม,ควรยึดติดกับ ประสบการณ์หรือบริการที่ทำอยู่ เคยปฏิบัติมาอย่างไรก็ทำไปอย่างนั้นไม,มีการปรับเปลี่ยนวิธีการ ให้บริการ จึงควรมีความคิดใหม่ ๆ ในการปฏิรูปงานบริการให้ดีขึ้น
•
ต้องสามารถควบคุมอารมณ์ไต้ (Emotional control) งานบริการเป็นงานที่ให้ความช่วยเหลือ จากผู้อื่น ต้องพบปะผู้คนมากมายหลายชนชั้น มีการศึกษาที่ต่างกัน ตังนั้น กิริยามารยาทจากผู้รับบริการ จะแตกต่างกัน เมื่อผู้รับบริการไม,ไต้ตังใจ อาจจะถูกตำหนิ พูดจาก้าวร้าว กิริยามารยาทไม,ดี ซึ่งผู้ให้บริการ ต้องสามารถควบคุมสติอารมณ์ไต้เป็นอย่างดี
•
ต้องมีสติในการแค้ปีญหาที่เกิดขึ้น (Calmness) ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะติดต่อขอความ ช่วยเหลือตามปกติ แต่บางกรณีลูกค้าที่มีปีญหาเร่งด่วน ผู้ให้บริการจะต้องสามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุและ คิดหาวิธีในการแก้ไขปีญหาอย่างมีสติ อาจจะเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายทางเลือกในการให้บริการ แก,ลูกค้า
•
มีทัศนคติต่องานบริการดี (Attitude) การบริการเป็นการช่วยเหลือ ผู้ทำงานบริการเป็นผู้ให้ จึงต้องมีความคิดความรู้สึกต่องานบริการในทางที่ชอบ และเต็มใจที่จะให้บริการ ถ้าผู้ใดมีความคิด ความรู้สึกไม,ชอบงานบริการ แม้จะพอใจในการรับบริการจากผู้อื่น ก็ไม,อาจจะทำงานบริการให้เป็นผลดี ไต้ ถ้าบุคคลใดมีทัศนคติต่องานบริการดี ก็จะให้ความสำคัญต่องานบริการ และปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ เป็นผลให้งานบริการมีคุณค่าและนำไปสู่ความเป็นเลิศ
•
มีความรับผิดชอบต่อลูกค้าหรือผู้รับบริการ (Responsibility) ในต้านงานทางการตลาด และ การขาย และงานบริการ การปลูกฝ่งทัศนคติให้เห็นความสำคัญของลูกค้าหรือผู้รับบริการด้วยการยกย่อง ว่า “ลูกค้าคือบุคคลที่สำคัญที่สุด” และ “ลูกค้าเป็นฝ่ายถูกเสมอ” ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ให้บริการมีความ รับผิดชอบต่อลูกค้าอย่างดีที่สุด
เรื่องที่ 8 พฤติกรรมผู้บริโภคกับช่องทางการจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป
พฤติกรรมของผู้บริโภค (Consumer behavior) หมายถึง การแสดงออกรวมทั้งกระบวนการในการ ตัดสินใจของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้สินค้าและบริการ ประโยชน์ของการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค
1.
ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจถึง!]จจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค
2.
ช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถหาหนทางแก้ไขพฤติกรรมในการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคใน สังคมได้ถูกต้องและสอดคล้องกับความสามารถในการตอบสนองของธุรกิจมากยิ่งขึ้น
3.
ช่วยให้การพัฒนาตลาดและการพัฒนาผลิตกัณฑ์สามารถทำได้ดีขึ้น
4.
เพื่อประโยชน์ในการแบ่งส่วนตลาด เพื่อการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ให้ตรงกับ ชนิดของสินค้ากี่ต้องการ
5.
ช่วยในการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจต่าง ๆ เพื่อความไต้เปรียบคู,แข่งขัน การประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภค
ความพึงพอใจ หมายถึง ความเสึกภายในจิตใจของมนุษย์ซึ่งจะไม,เหมือนกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับแด,ละ บุคคลว่าจะคาดหมายกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดล้าคาดหวังหรือมีความตั้งใจมากเมื่อไต้รับการตอบสนองด้วยดีจะมี ความพึงพอใจมาก แด,ในทางตรงข้ามอาจผิดหวังหรือไม,พึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อไม,ไต้รับการตอบสนอง ตามกี่คาดหวังไว้หรือไต้รับน้อยกว่ากี่คาดหวังไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งกี่ตั้งใจไว้ว่าจะมีมากหรือมีน้อย
ฟ้จจัยสำคัญเพื่อประเมินคุณภาพของการบริการ
1.
ความสะดวก หมายถึง ความสะดวกในการเข้าพบหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ ซึ่งครอบคลุม ทั้งเวลากี่เปิดดำเนินการ สถานกี่ตั้งและวิธีการที่จะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก,ผู้บริโภคในการ เข้าพบหรือติดต่อกับผู้ให้บริการ เช่น สถานกี่ให้บริการตั้งอยู่ในกี่กี่สะดวกแก,การไปติดต่อ เป็นต้น
2.
การติดต่อสื่อสาร หมายถึง การสื่อสารและให้ข้อมูลแก,ลูกค้าด้วยภาษากี่ง่ายต่อการเข้าใจและ การรับพึงความคิดเห็น ตลอดจนข้อเสนอแนะ หรือคำติชมของลูกค้าในเรื่องต่าง ๆ กี่เกี่ยวข้องกับการ ให้บริการขององค์การ
3.
ความสามารถ หมายถึง การที่ผู้ให้บริการมีความรู้ความสามารถและทักษะที่จะปฏิบัติงาน บริการไต้เป็นอย่างดี เช่น ความรู้และทักษะให้ข้อมูลผลิตกัณฑ์ เป็นต้น
4.
ความสุภาพ หมายถึง การที่ผู้ให้บริการมีความสุภาพเรียบร้อย มีความนับถือในตัวลูกค้า รอบคอบ และเป็นมิตรต่อผู้บริโภค เช่น การให้บริการด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและการสื่อสารด้วย ความสุภาพ เป็นต้น
5.
ความน่าเชื่อถือ หมายถึง ความเชื่อถือไต้และความซื่อสัตย์ของผู้ให้บริการ ชื่อเสียงและ ภาพลักษณ์กี่ดี
6.
ความคงเส้นคงวา หมายถึง ความสามารถในการปฏิบัติงานกี่ไต้สัญญาไว้อย่างแน่นอนและ แม่นยำ เช่น การให้บริการตามกี่ไต้แจ้งไว้กับแก,ลูกค้า เป็นต้น
7.
การตอบสนองอย่างรวดเร็ว หมายถึง ความเต็มใจของผู้ให้บริการที่จะให้บริการอย่างรวดเร็ว เช่น การให้บริการแก,ผู้รับบริการ ณ เคาน์เตอร์จ่ายเงิน แบบทันทีทันใด เป็นต้น
การสำรวจความพึงพอใจ
การสำรวจความพึงพอใจลูกค้าเป็นเครื่องมือที่สำคัญและมีบทบาทในการพัฒนาและปรับปรุงการ ทำงานในองค์การอย่างมาก ข้อมูลที่ไต้จากการสำรวจเป็นข้อมูลป้อนกลับไปสู่หน่วยงานที่แสดงให้เห็น ถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า เช่น พฤติกรรมการเลือก1ซื้อ/ใช้บริการ และเป็นตัวชี้วัดผลการ ปฏิบัติงานขององค์การที่แม่นยำ เทคนิคการวัดความพึงพอใจ อาจเริ่มจาก การสังเกต การสัมภาษณ์ แบบสอบถาม จนถึงกระบวนการทำวิจัย มหาตมะ คานธีกล่าวไว้ว่า
“ลูกค้า คือ แขกคนสำคัญที่สุด ที่ไต้มาเยือนเรา ณ สถานที่แห่งนี้ เขามิไต้มาเพื่อพึ่งพิงเรา เรา ต่างหาก ที่ต้องพึ่งพาอาศัยเขา เขามิใช่บุคคลที่มาขัดจังหวะการปฏิบัติงานของพวกเรา หากแด,ว่า การรับใช้ เขาคือ วัตถุประสงค์แห่งงานของพวกเรา เขามิใช่บุคคลแปลกหน้าแด,เขา คือ ส่วนหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ บริการจากพวกเรา มิใช่การสงเคราะห์เขา เขาต่างหากที่กำลังสงเคราะห์พวกเรา ด้วยการยอมให้พวกเรามี โอกาสไต้รับใช้เขา”
การส่งเสริมการขาย
การส่งเสริมการขายเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ โดยการจัดกิจกรรม การตลาดและส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น การเสนอของแถม การแสดงสินค้าและการจัดวางสินค้า การลด ราคา การตลาดทางไกล การตลาดทางไปรษณีย์ และวิธีการอื่น ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย
วิธีการส่งเสริมการขาย
•
การส่งเสริมการขายต้านลดราคาส่วนใหญ่เป็นการลดราคาสินค้า โดยอาจจะลดจากราคาขาย ปกติ เช่น การจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เป็นช่วงเวลา การลดราคา 25% ทุกวันพุธ เป็นต้น หรือการเพิ่มปริมาณ สินค้าโดยขายราคาเท่าเติม เช่น แลกตาซอย เอ็กตร้า 300 เพิ่มปริมาณแด,ไม,เพิ่มราคา เป็นต้น ยอดขายที่ เพิ่มขึ้นจากการลดราคานี้จะมีต้นทุนจากกำไรที่ลดลง การตัดสินใจใช้กลยุทธ์นี้จึงควรต้องพิจารณาอย่าง รอบคอบ และควรคำนึงถึงผลกระทบต่อชื่อเสียงของตราสินค้าด้วย
•
การส่งเสริมการขายโดยการใช้คูปอง
คูปอง เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการลดราคา วัตถุประสงค์หลักของการใช้การส่งเสริมการขายโดย ใช้คูปอง คือ การกระตุ้นให้ลูกค้าใช้คูปองให้มากที่สุด โดยมีเทคนิคการแจกคูปองหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น
-
การติดคูปองไว้บนบรรจุภัณฑ์เพื่อกระตุ้นการซื้อซื้า
-
การแจกคูปองในหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารเพื่อให้ผู้บริโภคไปใช้ซื้อสินค้า
•
การส่งเสริมการขายโดยการให้ของแถมเป็นวิธีที่มีใช้คันมาก โดยลูกค้าจะไต้รับของแถม เมื่อซื้อครบตามที่กำหนด เช่น ซื้อสินค้าครบสิบชิ้น ก็จะไต้รับของแถมหนึ่งชิ้น เป็นต้น
•
การส่งเสริมการขายโดยการแข่งขันและให้รางวัลเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีใช้กันมากในบีจจุบัน โดยเฉพาะตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ก็จะมีสาวสวย (Pretty) แต่งตัวน่ารัก มากล่าวแนะนำถึงสรรพคุณที่ดี ของสินค้าและจัดเกมส์ตอบคำถามง่าย ๆ พร้อมของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจของลูกค้า ที่เดินผ่านไปมาและมีการแจกของชำร่วยเล็กให้กับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมและตอบคำถามไค้ถูกต้อง เป็นต้น
•
การส่งเสริมการขายโดยการชิงโชค ซึ่งวิธีนี้ก็อาจจะมีหลายวิธี แต่ที่นิยมกันก็คือ การแนบใบ ลุ้นรางวัลมาพร้อมกับสินค้า หรือให้ตัดชิ้นส่วน หรือ ป้ายฉลาก สติ๊กเกอร์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่งไปร่วม ชิงโชค ซึ่งวิธีการนี้ก็จะต้องระมัดระวังเรื่องความสะดวกในการที่จะส่งชิ้นส่วน หรือชิ้นส่วนจะต้องไม,ถูก แอบแกะอ่านดูก่อนที่ผู้ซื้อจะเป็นผู้แกะคนแรก
•
การส่งเสริมการขายสำหรับลูกค้าประจำ เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าประจำมาซื้อสินค้าหรือใช้ บริการบ่อย ๆ เช่น สายการบิน มีการสะสมไมล์เพื่อแลกเป็นตั๋วเครื่องบินฟรี เมื่อสะสมไมล์ไต้ ตามที่กำหนด หรือร้านอาหารญี่ปุนฟูจิ หรือเซน มีการประทับตราเมื่อรับประทานอาหารครบทุก 300 บาท และนำมาแลกเป็นบัตรส่วนลด หรืออาหาร 1 จานเมื่อครบตามที่กำหนด เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ามาซื้อ สินค้าหรือใช้บริการบ่อย ๆ หรือป็มนํ้ามันมีการทำบัตรสมาชิกแล้วให้ส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก เป็นต้น
•
การส่งเสริมการขาย ณ จุดวางสินค้ามีผลการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคในร้านค้าปลีกออกมาว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นถ้าลูกค้าสามารถเห็นสินค้า ณ จุดวางสินค้า การจัดวางสินค้าที่น่าสนใจ ให้ข้อมูล เหมาะสม และวางในตำแหน่งที่สังเกตไต้ง่าย จะช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น ในปจจุบันจะเห็นไต้ว่า สินค้าอุปโภคบริโภคที่วางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต มีการจัดเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ถ้าต้องการ ให้สินค้าเป็นที่สังเกตไต้ง่าย พื้นที่วางสินค้าต้องอยู่ในระดับสายตา และตั้งวางสินค้าเป็นแถวอย่างชัดเจน และเป็นระเบียบ
•
การส่งเสริมการขายโดยการแจกสินค้าตัวอย่างให้ทดลองใช้วิธีนี้ให้ลูกค้าไต้ทดลองใช้สินค้า ดูก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งวิธีนี้ก็อาจสามารถดึงลูกค้าที่ใช้สินค้าของคู,แข่งอยู่ให้หันมาทดลอง ของใหม่โดยที่ไม,ต้องเสียเงินซื้อ เพราะบางครั้งลูกค้ามีความคิดว่าของที่ใช้อยู่เติมก็ดีที่สุดอยู่แล้ว ทำไม ต้องไปเสียเงินซื้อสินค้าอื่นมาทดลองใช้
อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมการขาย ควรยึดหลักที่ว่า ทำสิ่งที่ง่าย ๆ ที่ไม,ให้ลูกค้าเสืกยุ่งยาก ในการที่จะเช้าร่วมกิจกรรมที่เราวางไว้
เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการจำหน่าย
E-Commerce การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การตำเนินธุรกิจการค้าหรือการซื้อขายบนระบบ เครือข่ายอินเทอร์เนต โดยผู้ซื้อ (Customer) สามารถตำเนินการ เลือกสินค้า กำนวนเงิน ตัดสินใจซื้อ สินค้า โดยใช้วงเงินในบัตรเครดิต ไต้โดยอัตโนมัติ ผู้ขาย (Business) สามารถนำเสนอสินค้า ตรวจสอบ วงเงินบัตรเครดิตของลูกค้า รับเงินชำระค่าสินค้า ตัดสินค้าจากคลังสินค้า และประสานงานไปยังผู้จัดส่ง สินค้า โดยอัตโนมัติ กระบวนการตังกล่าวจะตำเนินการเสร็จสิ้นบนระบบเครือข่าย Internet
1.
เปิดดำเนินการค้า 24 ชั่วโมง
2.
ดำเนินการค้าอย่างไร้พรมแดนทั่วโลก
3.
ใช้งบประมาณลงทุนน้อย
4.
ตัดปีญหาด้านการเดินทาง
5.
ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ โดยสามารถประชาสัมพันธ์ได้ทั่วโลก
ข้อเสีย
1.
ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ
2.
ประเทศของผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีกฎหมายรองรับอย่างมีประสิทธิภาพ
3.
การดำเนินการด้านภาษีต้องชัดเจน
4.
ผู้ซื้อและผู้ขายจำเป็นต้องมีความเพื้นฐานในเทคโนโลยีอินเทอร์เนต
กระบวนการพื้นฐาน เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
1.
ลูกค้าเลือกรายการสินค้าของผู้จำหน่าย (Catalog)
2.
ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อให้ผู้จำหน่าย (Order)
3.
ลูกค้าชำระเงินให้ผู้จำหน่าย (Payment)
4.
ลูกค้ารอรับสินค้าจากผู้จำหน่าย (Shipping)
เว็บไซท์ธุรกิจ E-Commerce การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
ตัวอย่างเวบไซทในประเทศ เช่น www.shop4thai.com.www.chulabook.com.www.tohome.com เปนต้น ตัวอย่างเวบไซทต่างประเทศ เช่น www.amazon.com , www.alibaba.com.www.ecplaza.net เปนต้น
เรื่องที่ 9 การบริหารจัดการธุรกิจ ทุนและแหล่งเงินทุน
เงินทุน หมายถึง เงินตราที่องค์การธุรกิจจัดหามา เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินกิจการ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อให้ไต้ผลตอบแทนจาการลงทุนอย่างคุ้มค่า เงินทุนมีความสำคัญต่อธุรกิจ เพราะเป็นปจจัยในการ ดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่เริ่มตั้งกิจการ และระหว่างดำเนินกิจการ เงินทุนทำให้การผลิต การซื้อขายเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพและทำให้ธุรกิจขยายตัวไต้อย่างรวดเร็ว
ประเภทของเงินทุน เงินทุนที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
2.1
เงินทุนคงที่
เงินทุนคงที่ หมายถึง เงินทุนที่องค์การธุรกิจจัดหาเพื่อนำมาใช้ในการจัดหาทรัพย์สินถาวร ทรัพย์สินถาวร หมายถึง สินทรัพย์ที่อายุการใช้งานนานเกินกว่า 1 ปี ดังนั้น เงินทุนคงที่ องค์การธุรกิจจึง นำมาใช้ในการลงทุนซื้อที่ดิน สร้างอาคาร ซื้อเครื่องจักร ซื้อเครื่องใช้สำนักงาน เป็นด้น
2.2
เงินทุนหมุนเวียน
เงินทุนหมุนเวียน หมายถึง เงินทุนที่องค์การธุรกิจจัดหา เพื่อนำมาใช้ในการจัดหาทรัพย์สิน หมุนเวียนหรือใช้ในการดำเนินกิจการ ทรัพย์สินหมุนเวียน หมายถึง สินทรัพย์ที่อายุการใช้งานไม,เกิน หนึ่งปี ดังนั้น เงินทุนหมุนเวียน องค์การธุรกิจจึงนำมาใช้ในการซื้อวัตถุดิบ ซื้อสินค้า จ่ายค่าแรงงาน จ่ายค่าเบี้ยประกันภัย จ่ายค่าขนส่ง จ่ายค่าโฆษณา จ่ายค่าสาธารณูปโภค เป็นด้น
แหล่งเงินทุน แหล่งที่มาของเงินทุน
1.
แหล่งเงินทุนจากภายในธุรกิจเอง ได้แก่ เงินทุนของเจ้าของกิจการ กำไรสะสม และค่าเสื่อม
ราคา
2.
แหล่งเงินทุนจากภายนอกธุรกิจ ได้แก่ เงินทุนที่มาจากการระดมทุน เงินทุนจากเจ้าหนี้ของ กิจการและเงินทุนที่ได้รับจากการสนับสนุน
เรื่องที่ 10 การกำหนดราคาขาย
ราคา (Price) หมายถึง “มูลค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แสดงค่าออกมาในรูปหน่วยเงิน หรือ หน่วยการแลกเปลี่ยนอื่น ๆ”
วิธีการขั้นพื้นฐานในการตั้งราคา นิยมกันอยู่ทั่วไป คือ วิธีการตั้งราคาโดยยึดด้นทุนเป็นเกณฑ์ ราคาขายต่อหน่วย = ด้นทุนทั้งหมด + กำไรที่ด้องการ
การบัญชี (Accounting) หมายถึง การจดบันทึกรายการค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการรับ-จ่ายเงิน การจัด หมวดหมู,สรุปผลและวิเคราะห์ ตีความ อย่างมีหลักเกณฑ์
ประโยชน์และวัตถุประสงค์ของการบัญชี
1.
ช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถควบคุมรักษาสินทรัพย์ของกิจการได้
2.
ช่วยให้ทราบผลการดำเนินงานของกิจการ ในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่งว่า ผลการ ดำเนินงานที่ผ่านมา กิจการมีกำไรหรือขาดทุนเป็นจำนวนเท่าใด
3.
ช่วยให้ทราบฐานะการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหนึ่งว่า กิจการในสินทรัพย์ หนี้สิน และ
4.
การทำบัญชีเป็นการรวบรวมสถิติอย่างหนึ่งที่ช่วยในการบริหารงาน และให้ข้อมูลอันเป็น ประโยชน์ในการวางแผนการดำเนินงานและควบคุมกิจการให้ประสบผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย เพื่อบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นตามลำดับก่อนหลัง และจำแนกตามประเภทของรายการค้าไว เพื่อให้ถูกต้อง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการทำบัญชีของกิจการต่าง ๆ การบริหารคลังสินค้า
การวางแผนการบริหารคลังสินค้าเพื่อสำรองสินค้าคงคลังในปริมาณที่เหมาะสม เป็นพีนเพีอง หลักให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าไต้
การบริหารคลังสินค้าจะจัดการตั้งแต่การรับเข้าจนถึงการจ่ายออก จะเป็นการเมื่อสินค้าเข้ามา ควรจะนำสินค้าไปเก็บไว้ที่ไหน ให้ถูกสุขลักษณะ เนื่องจากมีการจัดเก็บสินค้าหลากหลายประเภท จึงจำเป็นต้องแบ่งโซนจัดวางสินค้า
ต้นทุนการบริหารคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง ประกอบไปด้วย 2 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1.
ค้นทุนการบริหารคลังสินค้า เกิดจากการดำเนินกิจกรรมการให้บริการภายในคลังสินค้า การจัดเก็บสินค้า
2.
ค้นทุนในการถือครองสินค้า คือต้นทุนในการถือครองสินค้า หรือค่าเสียโอกาสที่เงินทุนไปจม อยู่ในสินค้า
เรื่องที่ 11 คุณธรรมในการประกอบอาชีพ
คุณธรรม คือ คุณงามความดีที่เรา แสดงออก เช่น
1.
ความขยันหมั่นเพียร มีความขยัน ในการปฏิบัติงาน
2.
อดทน การทำงานต้องมีความ เข้มแข็งอดทนต่อสภาพที่เกิดขึ้นทุกขณะ งานจะหนักจะเบาเรา
ต้องทำ
3.
ความซื่อสัตย์ มีความซื่อสัตย์ ต่อตนเอง ต่อหมู,คณะ เพื่อนร่วมงาน
4.
สุจริตเป็นคนตรงไม,เอารัดเอาเปรียบบุคคลอื่นไม,คดโกงถือคติ“ซื่อกินไม,หมดคดกิน
ไม,นาน”
5.
ความรับผิดชอบ มีความรับผิดชอบงานที่มอบหมายให้ทำจนสำเร็จ ถูกต้อง นายจ้างพอใจ
6.
ความเข้าใจตนเองและสังคม คือ เป็นคนไว้ใจซึ่งกันและกัน
บัญหาและอุปสรรค
1. ทักษะความรู ความชำนาญในธุรกิจถือเป็นปีจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำ ธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งจะต้องค้นหาตัวเองว่ามี ทักษะความ! ความสามารถที่โดดเด่นนั้นเพียงพอ ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจนั้นอยู่รอดไต้หรือไม, การที่เรามีเงินทุนนั้นก็ไม,ไต้หมายความว่าจะประสบ ความสำเร็จ แด,ต้องวัดคันที่แมืออีกด้วย แด,หากว่าค้นหาแล้ว ยังไม,เจออีก มีข้อแนะนำอยู่ 2 อย่างก็คือ เลิก ทำธุรกิจหรือหาคนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกัน เท่าที่ผ่านมามีธุรกิจจำนวนมากที่มี หุ้นส่วนจำนวนเยอะมาก และแต่ละคนก็มีความสามารถแตกต่างกันไป เช่น ความสามารถทางด้านคิด แผนการตลาด การโปรโมทประชาสัมพันธ์หรือการจัดการภายในองค์กร เป็นด้น อย่าลืมว่าไม,มีใครเก่ง ที่สุดหรือดีที่สุด แต่ถ้าเราเอาความสามารถของแต่ละคนมาผนึกรวมกัน ก็จะทำให้ความเก่งกาจในธุรกิจ นั้นก้าวไปถึงความเป็นที่สุดนั้นไต้
2.
ข้อมูลที่จำเป็นต่อการเติบโต เราจะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ธุรกิจในปีจจุบันนี้ต้องอาศัยข้อมูลต่าง ๆ เพื่อหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจก้าวไปอย่างมั่นคง ซึ่งมีความสำคัญไม,แพ้ไปกว่าเงินทุนที่เรากำลังหากันอยู่ อาทิเช่น ข้อมูลเรื่องความต้องการของผู้บริโภค อย่าลืมว่าทุกวันนี้มีการแข่งขันสูง ลูกค้าเป็นป็จจัยสำคัญที่ช่วยให้ ธุรกิจเรารอด ดังนั้น เราจำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง หากไม,ทำเช่นนั้นแก้ว ธุรกิจของคุณอาจจะมีผลกระทบก็เป็นได้ นอกจากนี้แก้ว วงจรของสินค้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุค ตามสมัยด้วย นั่นหมายความว่าสินค้าทุกชนิดจะมีวงจรชีวิตที่ถูกกำหนดโดยผู้บริโภค และแน่นอนว่า ผู้ประกอบการจะต้องมีข้อมูลเหล่านี้เพื่อใช้ปรับแผนเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ
3.
การวางแผนการตลาด หัวข้อนี้สำคัญมากต่อผู้ประกอบการซึ่งจะต้องค้นหาว่าแผนการตลาด ของเรานี้นมีจุดอ่อนและจุดแข็งตรงไหนบ้าง วิธีนี้สามารถทำได้โดยการศึกษาแผนการทำงานของคู,แข่ง หากเราทำแผนมาเปรียบเทียบกับคู,แข่งแก้วพบว่ามีจุดอ่อนอยู่ ขอแนะนำให้ทบทวนและเปลี่ยนการตลาด ใหม่หมด อย่าลืมด้วยว่าทุกวันนี้การทำงานต้องศึกษาจากลูกค้าและคู,แข่ง บางครั้งแนวคิดของเราอาจ ขัดแย้งกับความเป็นจริงอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ต้องปรับปรุงเพื่อให้ธุรกิจนั้นไปตลอดรอดผ่ง
4.
มาตรฐานในการผลิต เท่าที่เราทราบกันอยู่ว่า คุณภาพที่ดีของสินค้า คือ ป็จจัยสำคัญต่อความ อยู่รอด ควรหมั่นทบทวนเรื่องมาตรฐานของสินค้ากันอีกครั้ง เพื่อให้เว่าคุณภาพของสินค้าเราตรงกับ ความต้องการของผู้บริโภครึเปล่า ดังนั้น การสร้างมาตรฐานการผลิต คือ สิ่งที่เราต้องตระหนักและพัฒนา กันอย่างเรื่อย ๆ