วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

1.5 การทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ

ระบบต่อมไร้ท่อ
ในร่างกายของมนุษย์มีต่อมในร่างกาย 2 ประเภท คือ
1) ต่อมมีท่อ (Exocrine gland) เป็นต่อมที่สร้างสารเคมีออกมาแล้วส่งไปยังตำแหน่งออกฤทธิ์ โดยอาศัยท่อลำเลียงของต่อมโดยเฉพาะ เช่น ต่อมน้ำลาย ต่อมสร้างเอนไซม์ย่อยอาหาร ต่อมน้ำตา ต่อมสร้างเมือก ต่อมเหงื่อ ฯลฯ
2) ต่อมไร้ท่อ (Endocrine gland) เป็นต่อมที่สร้างสารเคมีขึ้นมาแล้วส่งไปออกฤทธิ์ยังอวัยวะ เป้าหมาย โดยอาศัยระบบหมุนเวียนเลือด เนื่องจากไม,มีท่อลำเลียงของต่อมโดยเฉพาะ สารเคมีนี้เรียกว่า ฮอร์โมน ซึ่งอาจเป็นสารประเภทกรดอะมิโน สเตรอยด์
ต่อมไร้ท่อมีอยู่หลายต่อมกระจายอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ทั่วร่างกาย ฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากต่อม ไร้ท่อมีหลายชนิด แด,ละชนิดท่างานแตกต่างกัน โดยจะควบคุมการท่างานของอวัยวะต่าง ๆ อย่าง เฉพาะเจาะจง เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโต กระตุ้นหรือยับยั้งการท่างาน ฮอร์โมนสามารถออกฤทธิ์ได้ โดยใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อย ต่อมไร้ท่อที่สำคัญ มี 7 ต่อม ได้แก่
2.1 ตอมใต้สมอง (Pituitary gland)
ตำแหน่งที่อยู่ ต่อมใต้สมองเป็นต่อมไร้ท่อ อยู่ตรงกลางส่วนล่างของสมอง (hypophysis) ต่อมนี้ขับสารที่มีลักษณะขุ่นขาวคล้ายเสมหะ จึงเรียกว่า ต่อม พิทูอิตา'รี (pituitary gland) ต่อมใต้สมอง ประกอบด้วยเซลล์ที่มีรูปร่างแตกต่างกันมากชนิดที่สุด
ขนาดและลักษณะทั่วไป ต่อมใต้สมองของเพศชายหนักประมาณ 0.5 - 0.6 กรัม ของ เพศหญิงหนักกว่าเล็กน้อยคือประมาณ0.6-0.7กรัมหรือบางรายอาจหนักถึง 1 กรัม
ต่อมใต้สมอง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ต่อมใต้สมองส่วนหน้า (anterior lobe) ต่อมใต้สมอง ส่วนกลาง (intermediate lobe) และต่อมใต้สมองส่วนหลัง (posterior lobe) ต่อมใต้สมองทั้งสามส่วนนี้ ต่างกันที่โครงสร้าง และการผลิตฮอร์โมน


ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมองมีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของ ต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต การทำงานของไต และระบบสืบพันธุ
2.1 ต่อมไทรอยด์ (thyroid)
ต่อมไทรอยด์มีลักษณะเป็นพู 2 พู อยู่สองข้างของคอหอย โดยมีเยื่อบาง ๆ เชื่อมติดต่อถึงกัน ไต้ ต่อมนี้ถือไต้ว่าเป็นต่อมไร้ท่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีเส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงมากที่สุดมีน้ำหนักของ ต่อมประมาณ15-20กรัมต่อมไทรอยด์มีเส้นเลือดมาเลี้ยงมากมายต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ ได้แก่
1) ฮอร์โมนไธรอกชิน (thyroxin hormone) ทำหน้าที่ควบคุมการเผาผลาญสารอาหารกระตุ้น การเปลี่ยนไกลโคเจนไปเป็นกลูโคสและเพิ่มการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์บุทางเดินอาหาร จึงเป็นตัวเพิ่มระดับ น้ำตาลกลูโคสในเลือด
ความผิดปกติเกี่ยวกับระดับฮอร์โมนไธรอกชิน
(1) คอหอยพอกธรรมดา (Simple goiter) เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นโดยต่อมขยายใหญ่ เนื่องจากต่อมใต้สมองส่วนหน้าสร้าง ไทรอยด์สติมูเลติง ฮอร์โมน (thyroid-stimulating hormone )
เรียกย่อ ๆ ว่า TSH ทำหน้าที่กระตุ้นต่อมไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนเป็นปกติ) มากระตุ้นต่อมไทรอยด์มาก เกินไป โดยที่ต่อมนี้ไม,สามารถสร้างไธรอกชินออกไปยับยั้งการหลั่ง TSH จากต่อมใต้สมองไต้
(2) คอหอยพอกเป็นพิษ (Toxic goiter) เกิดขึ้นเนื่องจากต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนมาก เกินไป เพราะเกิดภาวะเนื้องอกของต่อม
(3) คอหอยพอกและตาโปน (Exophthalmic goiter) เกิดขึ้นเนื่องจากต่อมไทรอยด์สร้าง ฮอร์โมนมากผิดปกติ เพราะไต้รับการกระตุ้นจาก TSH ไทรอยด์สติมูเลติง ฮอร์โมน (thyroid-stimulating hormone เรียกย่อ ๆ ว่า TSH) มากเกินไปหรือภาวะเนื้องอกของต่อมก็ไต้ คนป่วยจะมีอัตราการเผาผลาญ สารอาหารในร่างกายสูง ร่างกายอ่อนเพลีย น้ำหนักลดทั้ง ๆ ที่กินจุ หายใจแรงและเร็ว ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ไว อาจเกิดอาการตาโปน (exophthalmos) จากการเพิ่มปริมาณของน้ำและเนื้อเยื่อที่อยู่หลังลูกตา โรคนี้พบใน หญิงมากกว่าในชาย
(4) คริตินิซึม (Cretinnism) เป็นความผิดปกติของร่างกายที่เกิดจากต่อมไทรอยด์ฝ่อใน วัยเด็ก หรือพิการตั้งแต่กำเนิด ทำให้การเจริญเติบโตของกระดูกลดลง ร่างกายเตี้ย แคระแกร็น การ เจริญเติบโตทางจิตใจช้าลงมีภาวะปัญญาอ่อน พุงยื่น ผิวหยาบแห้ง ผมบาง
(5) มิกซีดีมา (Myxedema) เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ เนื่องจากต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนออกมา น้อยกว่าปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการสำคัญ คือ การเจริญทั้งทางร่างกายและจิตใจ ช้าลง มีอาการชัก ผิวแห้ง หยาบเหลือง หัวใจ ไตทำงานช้าลง เกิดอาการเฉื่อยชา ซึม ความจำเสื่อม ไขมันมาก ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย โรคนี้พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
2) ฮอร์โมนแคลซิโทนิน (Calcitonin) เป็นฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งที่มาจากต่อมไทรอยด์ ทำหน้าที่ลดระดับแคลเซียมในเลือดที่สูงเกินปกติให้เช้าสู่ระดับปกติโดยดึงแคลเซียมส่วนเกินไปไว้ที่ กระลูก ดังนั้นระดับแคลเซียมในเลือดจึงเป็นสิ่งควบคุมการหลั่งฮอร์โมนนี้และฮอร์โมนนื้จะทำงาน ร่วมคับฮอร์โมนจากต่อมพาราไธรอยด์และวิตามินดี
2.2 ต่อมพาราไธรอยด์ (parathyroid gland)
ต่อมพาราไธรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อที่มีน้ำหนักน้อยมาก ติดอยู่คับเนื้อของต่อมไธรอยด์ทาง ด้านหลัง ในคนมีช้างละ 2 ต่อม มีลักษณะรูปร่างเป็นรูปไข,ขนาดเล็กมีสีน้ำตาลแดงหรือนี้าตาลปนเหลือง มีน้ำหนักรวมทั้ง 4 ต่อม ประมาณ 0.03 - 0.05 กรัม
ฮอร์โมนที่สำคัญที่สร้างจากต่อมนี้ คือ พาราธอร์โมน (Parathormone) ฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่ รักษาสมดุลของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในร่างกายให้คงที่ โดยทำงานร่วมกับแคลซิโตนิน เนื่องจาก ระดับแคลเซียมในเลือดมีความสำคัญมาก เพราะจำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อประสาทและการเต้น ของหัวใจ ดังนั้น ต่อมพาราธอร์โมนจึงจัดเป็นต่อมไร้ท่อที่มีความจำเป็นต่อชีวิต
2.3 ต่อมหมวกไต (adrenal gland)
ต่อมหมวกไต อยู่เหนือไตทั้ง 2 ช้าง ลักษณะต่อมทางขวาเป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนทางซ้ายเป็น รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ต่อมนี้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือ อะดรีนัลคอร์เทกซ์ (adrenal cortex) เป็น เนื้อเยื่อชื้นนอกเจริญมาจากเนื้อเยื่อชื้นมีโซเติร์ม (Mesoderm) และอะดีนัลเมดุลลา (adrenal medulla) เนื้อเยื่อชื้นในเจริญมาจากส่วนเนื้อเยื่อชื้นนิวรัลเอกโตเดิร์ม (neural ectoderm) ดังนั้น การทำงานของ ต่อมหมวกไตชื้นเมดุลลาจึงเกี่ยวช้องคับระบบประสาทซิมพาเธติก ซึ่งผลิตฮอร์โมนชนิดต่าง ๆ ดังนื้
1) อะดรีนัล คอร์เทกซ์ ฮอร์โมนจากอะดรีนัล คอร์เทกซ์ บีจจุบันนี้พบ'ว่า อะดรีนัล คอร์เทกซ์ เป็นต่อมไร้ท่อที่สามารถสร้างฮอร์โมนได้มากที่สุดกว่า 50 ชนิด ฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามหน้าที่ คือ
(1) ฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ (Glucocorticoid) ท่าหน้าที่ควบคุมเมตาบอลิซึมของ คาร์โบไฮเดรตเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังควบคุมเมตาบอลิซึมของโปรตีนและไขมัน รวมทั้งสมดุลเกลือแร, ด้วยแต่เป็นหน้าที่รอง การมีฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอนด์นี้มากเกินไป ท่าให้เกิดโรคคูชชิ่ง (Cushind’s syndrome) โรคนี้จะท่าให้หน้ากลมคล้ายพระจันทร์ (moon face) บริเวณด้นคอมีหนอกยื่นออกมา (buffalo hump) อาการเช่นนี้อาจพบได้ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาที่มีคอร์ตโคสเตรอยด์เป็นส่วนผสม เพื่อป้องคันอาการแพ้หรืออักเสบติดต่อคันเป็นระยะเวลานาน
(2) ฮอร์โมนมิเนราโลคอร์ติคอยด์ (Mineralocorticiod) ท่าหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำ และเกลือแร,ในร่างกาย ฮอร์โมนที่สำคัญ คือ คัลโคสเตอโรน ซึ่งควบคุมการท่างานของไตในการดูดน้ำ และโซเดียมเข้าสู่เส้นเลือด ทั้งยังควบคุมสมดุลของความเข้มข้นของฟอสเฟตในร่างกายด้วย
(3) ฮอร์โมนเพศ (Adrenalsex hormone) สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น แอนโดรเจน เอสโตรเจน แด,มีปริมาณเล็กน้อย เมื่อเทียบคับฮอร์โมนเพศจากอัณฑะและไข,
3) อะดรีนัลเมดัลลา ฮอร์โมนจากอะดรีนัลเมคัลลา ประกอบด้วยฮอร์โมนสำคัญ 2 ชนิด คือ อะดรีนัลนาลีนหรือเอปิเนฟริน และนอร์อะตรีนาลินหรือนอร์เอปิเนฟริน ปกติฮอร์โมนจาก อะดรีนัลเมคัลลาจะเป็นอะดรีนาลินประมาณร้อยละ 70 และนอร์อะตรีนาลินเพียงร้อยละ 10 ในผู้ใหญ่จะ พบฮอร์โมนทั้งสองชนิด แต่ในเด็กจะมีเฉพาะนอร์อะดรีนาลินเท่านั้น
(1) อะดรีนาลินฮอร์โมน (Adrenalin hormone) หรือฮอร์โมนเอปิเนฟริน (Epinephrine) ฮอร์โมนอะดรีนาลินเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาแล้วมีผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยัง กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง ท่าให้เส้นเลือดอาร์เตอรีขนาดเล็กที่อวัยวะต่าง ๆ ขยายตัว ส่วน เส้นเลือดอาร์เตอรีขนาดเล็กที่บริเวณผิวหนังและช่องท้องหดตัว
(2) นอร์อะดรีนาสินฮอร์โมน (Noradrenalin hormone) หรือฮอร์โมนนอร์เอปิเนฟริน (noepinephrine) ฮอร์โมนนอร์อะดรีนาลินจะแสดงผลต่อร่างกายคล้ายคับผลของอะดรีนาลินฮอร์โมน แด, อะดรีนาลินฮอร์โมนมีผลดีกว่า โดยฮอร์โมนชนิดนี้จะหลั่งออกมาจากปลายเส้นประสาทชิมพาเทดิกได้ อีกด้วยฮอร์โมนนี้จะท่าให้ความตันเลือดสูงขึ้น ทำให้หลอดเลือดอาร์เตอรีที่ไปเลี้ยงอวัยวะภายในต่าง ๆ บีบตัว
2.4 ตับอ่อน ภายในเนื้อเยื่อตับอ่อนจะมีไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์เป็นต่อมเล็ก ๆ ประมาณ 2,500,000ต่อมหรือมีจำนวนประมาณร้อยละ 1ของเนื้อเยื่อตับอ่อนทั้งหมด ฮอร์โมนผลิตจาก ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ที่สำคัญ 2 ชนิดคือ
1) อินซูลิน (Insulin) สร้างมาจากเบตาเซลล์ที่บริเวณส่วนกลางของไอส์เลตออฟแลงเกอร์ ฮานส์ หน้าที่สำคัญของฮอร์โมนนี้คือ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ เมื่อร่างกายมีน้ำตาลในเลือด สูงอินซูลินจะหลั่งออกมามากเพื่อกระตุ้นเซลล์ดับ และเซลล์กล้ามเนื้อนำกลูโคสเข้าไปในเซลล์มากขึ้น และเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นไกลโคเจนเพื่อเก็บสะสมไว้ นอกจากนี้อินซูลินยังกระตุ้นให้เซลล์ทั่วร่างกายมี การใช้กลูโคสมากขึ้น ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงสู่ระดับปกติ ล้ากลุ่มเซลล์ที่สร้างอินซูลินถูกทำลาย ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงกว่าปกติทำให้เป็นโรคเบาหวาน
2) กลูคากอน (Glucagon) เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากแอลฟาเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์อีกประเภทหนึ่ง ของไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ กลูคากอนจะไปกระตุ้นการสลายตัวของไกลโคเจนจากดับและกล้ามเนื้อ ให้น้ำตาลกลูโคสปล่อยออกมาในเลือดทำให้เลือดมีกลูโคสเพิ่มขึ้น
2.5 รังไข่ (Ovaries) ต่อมอวัยวะสืบพันธุของเพศหญิงซึ่งอยู่ที่รังไข่จะสร้างฮอร์โมนที่สำคัญคือ เอสโตรเจน (estrogens) และโปรเจสเตอโรน (progesterrone)
ฮอร์โมนเอสโตรเจน มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมลักษณะของเพศหญิง คือ ลักษณะการมี เสียงแหลม สะโพกผาย การขยายใหญ่ของอวัยวะเพศและเต้านม การมีขนขึ้นตามอวัยวะเพศและรักแร้ นอกจากนี้ยังมีส่วนในการควบคุมการเปลี่ยนแปลงที่รังไข,และเยื่อบุมดลูกอีกด้วย
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากส่วนของอวัยวะเพศ คือ คอร์ปีส ลูเตียม และบางส่วนสร้างมาจากรกเมื่อมีครรภ์นอกจากนี้ยังสร้างมาจากอะดรีนัล คอร์เทกซ์ ไต้อีกด้วย ฮอร์โมน ชนิดนี้เป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดในการเตรียมการตั้งครรภ์ และตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ มีบทบาทโดยเฉพาะต่อเยื่อบุมดลูก ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่รังไข,และมดลูกการทำงานของฮอร์โมนเพศ นี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมน ฟอลลิเคิล สติมิวเลติง ฮอร์โมน (follicle stmulating hormone เรียกย่อ ๆ ว่า FSH ) และ ลูนิไนซิง ฮอร์โมน (luteinging hormone เรียกย่อ ๆ ว่า LH ) จากต่อมใต้สมอง ส่วนหน้าอีกด้วย
2.6 อัณฑะ (Testis) ต่อมอวัยวะสืบพันธุของเพศชายซึ่งอยู่ที่อัณฑะจะสร้างฮอร์โมนที่สำคัญที่สุด คือ เทสโตสเตอโรน (testosterone) ซึ่งจะสร้างขึ้นเมื่อเริ่มวัยหนุ่ม โดยกลุ่มเซลล์อินเตอร์สติเชียล สติมิวเลติง ฮอร์โมน (interstitial cell stimulating hormone เรียกย่อ ๆ ว่า ICSH) จะไต้รับการกระตุ้นจาก ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า คือ LH หรือ ICSH นอกจากสร้างเทสโทสเตอโรนแล้วยังพบว่า อินเตอร์เซลล์สติเชียลยังสามารถสร้างฮอร์โมนเพศหญิง คือเอสโตรเจน (estrogen) ได้อีกด้วย
ฮอร์โมนนี้ทำหน้าที่ควบคุมลักษณะที่สองของเพศชาย (secondary sex characteristic) ซึ่งมี ลักษณะสำคัญ คือ เสียงแตก นมขึ้นพาน ลูกกระเดือกแหลม มีหนวดขึ้นบริเวณริมฝีปาก มีขนขึ้นบริเวณ หน้าแข้ง รักแร้และอวัยวะเพศ กระดูกหัวไหล่กว้างและกล้ามเนื้อตามแขน ขา เติบโตแข็งแรงมากกว่าเพศ ตรงข้าม
ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน ที่พบมีดังนี้

(1) ถ้าดัดอัณฑะออก นอกจากจะเป็นหมันแล้ว ยังมีผลให้ลักษณะต่างๆ ที่เกี่ยวกับเพศไม, เจริญเหมือนปกติ
(2) ถ้าระดับฮอร์โมนสูงหรือสร้างฮอร์โมนก่อนถึงวัยหนุ่มมาก เนื่องจากมีเนื้องอกที่อัณฑะ จะทำให้เกิดการเติบโตทางเพศก่อนเวลาอันสมควร (percocious puberty) ไม,ว่าจะเป็นลักษณะทางเพศ และอวัยวะสืบพันธุ์



ต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ที่สำคัญพร้อมชื่อฮอร์โมนและหน้าที่
ต่อมไร้ท่อ
หน้าที่
ต่อมใต้สมอง
ไธโรโทรฟิน (Thyrotrophin)
คอร์ดิโคโทรฟิน (Corticotrophin)
โกนาโดโทรฟิน (Gonadotrophin)
โกรทฮอร์โมน (Growth hormone)
วาโซเปรซซิน (Vasopressin)
โปรแลกติน (Prolactin)
ออกซิโตชิน (Oxytocin)
ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์
ควบคุมปริมาณสารจากต่อมหมวกไต
ควบคุมสารต่อมอวัยวะเพศ
ควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกาย
ควบคุมปริมาณน้ำที่ขับออกจากไต
กระตุ้นการสร้างน้ำนม
กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกขณะเด็กเกิด
ต่อมไทรอยด์ หลั่งฮอร์โมน
ไธรอกชิน (Thyroxin)
ควบคุมอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นความร้อนและพลังงานใน
การควบคุมการเจริญเติบโตตามปกติ และการทำงานของ
ระบบ
ต่อมพาราไธรอยด์ หลั่งฮอร์โมน
 พาราธอร์โมน (Parathormone)
กระตุ้นให้กระดูกปล่อยแคลเซียมออกมาและควบคุมระดับ ของแคลเซียมในเลือด
ต่อมหมวกไต ประกอบด้วยส่วน
 คอร์เทกซ์ (cortex) และเมดุลลา (medulla) หลั่งฮอร์โมน
ผลิตจากส่วนเมดุลลา ฮอร์โมนนี้จะเพิ่มกำลังให้กับระบบ ประสาท1ชิมพาเธติก ในการรับความรู้สึกกลัว  โกรธ และ ตื่นเต้น
อะดรีนาลิน และนอร์อะดรีนาลิน
สารสเตอรอย์ (steroid) ผลิตจากคอร์เทกซ์ ช่วยในการป้องกัน
(Adrenalin and Noradrenalin)
คอร์ติโซน (Cortisone)
การตกใจ
ส่วนคอร์เทกซ์ ช่วยควบคุมสมดุลเกลือแร,ต่าง ๆ และน้ำ ในร่างกาย
อัลโดสเตอโรน (Aldosterone)

คับอ่อน
อินซูลิน (Insulin)
ควบคุมการใช้น้ำตาลของร่างกาย
รังไข่ (ต่อมอวัยวะสืบพันธุเพศหญิง)
เอสโตรเจน (estrogen)
ควบคุมลักษณะเพศหญิงตอนวัยรุ่น หยุดการเจริญของกระลูก
โปรเจสเตอโรน (progesterone)
และกระตุ้นมดลูกรับการตกไข,
เตรียมมดลูกสำหรับการตั้งครรภ์ระหว่างตั้งครรภ์รกจะผลิตฮอร์โมน





                                
ต่อมไร้ท่อ
หน้าที่

สำหรับการเจริญของทารก และปรับตัวแม่สำหรับการตั้งครรภ์
อัณฑะ (ต่อมของอวัยวะสืบพันธุเพศชาย) เทสโตสเตอโรน (testosterone)
ควบคุมลักษณะเพศชายตอนวัยรุ่น

ตารางสรุปหน้าที่และอวัยวะที่เกี่ยวข้องของระบบต่างๆในร่างกาย
ระบบ
หน้าที่
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง
ระบบห่อหุ้มร่างกาย
ห่อหุ้มและปกป้องร่างกาย
ผิวหนัง ขน เล็บ
ระบบย่อยอาหาร
ย่อยอาหารจนสามารถดูดซึมเข้า ร่างกาย
ปาก ปน ลิ้น ต่อมน้ำลาย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไห้ใหญ่ ทวารหนัก ตับ ตับอ่อน ถุงน้ำดี
ระบบต่อมไร้ท่อ
ผลิตฮอร์โมน
ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต
รังไข่ อัณฑะ
ระบบไหลเวียนเลือด
และน้ำเหลือง
ลำเลียงก๊าซ สารอาหาร ของเสีย
ฮอร์โมนและสารเคมีเข้าและออก
จากร่างกาย
หัวใจ เส้นเลือด ม้าม ท่อนำเหลือง ต่อม
น้ำเหลือง
ระบบประสาท
รับและส่งความรู้สึก ควบคุมการ ทำงานของอวัยวะต่างๆ
สมอง เส้นประสาท อวัยวะรับความรู้สึก
 ได้แก่ ตา หู จมูก ปาก ลิ้น ปน ผิวหนัง
ระบบหายใจ
รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ออกจาก
ร่างกาย
จมูก หลอดลม ปอด
ระบบกล้ามเนื้อ
การเคลื่อนไหวทั้งภายในและ
ภายนอกร่างกาย
กล้ามเนื้อต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อเรียบ กล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อหัวใจ
ระบบโครงกระดูก
เป็นโครงสร้างให้กับร่างกาย
กระลูกชิ้นต่างๆ ที่ประกอบเป็นแกนกลาง และระบบของร่างกาย ระบบโครงกระลูก รวมกับระบบกล้ามเนื้อเรียกว่า “ระบบเคลื่อนไหว”
ระบบสืบพันธุ์
ผลิตเซลล์สืบพันธุและควบคุมกลไก สืบพันธุ์
อัณฑะ ต่อมลูกหมาก รังไข่ มดลูก
อวัยวะเพศ
ระบบขับถ่าย
กำจัดและกรองของเสียออกจาก
ร่างกาย
ปอด ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ ผิวหนัง
ลำไห้ใหญ่
กิจกรรม
1.      ดูวีดีทัศน์1ในแผ่น VCD เรื่องการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และสรุป สาระสำคัญจากเนื้อเรื่องประมาณ 10บรรทัด

2.      จงอธิบายการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ที่สำคัญต่อร่างกายตามลำดับมา 3 ระบบ พร้อมบอกเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงมีความสำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น