การสืบพันธุเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ดำรงเผ่าพันธุอยู่ได้ ซึ่งต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญ เช่น เพศชายและเพศหญิง แต่ละเพศจะมีโครงสร้างของเพศ และการสืบพันธุ์ซึ่งแตกต่างกัน
1) ระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย
อวัยวะสืบพันธุของเพศชายส่วนใหญ่จะอยู่ภายนอกลำตัว ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ ๆ ตังนี้
1.1 สิงค์หรือองคชาต (Penis) เป็นอวัยวะสืบพันธุของเพศชาย รูปทรงกระบอก อยู่ด้านหน้า ของหัวเหน่า บริเวณด้านหน้าตอนบนถึงอัณฑะ มีลักษณะยื่นออกมา ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่เหนียว แต่มีลักษณะนุ่ม และอวัยวะส่วนนี้สามารถยืดและหดได้ โดยทั่วไปแล้วลึงค์จะมีขนาดปกติยาวประมาณ 5-6 เซนติเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร ที่บริเวณตอนปลายลึงค์จะมี เส้นประสาทและหลอดเลือดมาเลี้ยงอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้รู้สึกไวต่อการสัมผัส เมื่อมีความต้องการ ทางเพศเกิดขึ้น ลึงค์จะแข็งตัวและเพิ่มขนาดขึ้นประมาณเท่าตัว เนื่องมาจากการไหลคั่งของเลือดที่บริเวณ นี้มีมาก และในขณะที่ลึงค์แข็งตัวนั้น จะพบว่าต่อมเล็ก ๆ ที่อยู่ในท,อปัสสาวะจะผลิตน้ำเมือกเหนียว ๆ ออกมา เพื่อช่วยในการหล่อลื่นและทำให้ตัวอสุจิสามารถไหลผ่านออกสู่ภายนอกได้
1.2 อัณฑะ (Testis) ประกอบด้วย ถุงอัณฑะ เป็นถุงที่ห่อหุ้มต่อมอัณฑะไว้ มีลักษณะเป็น ผิวหนังบาง ๆ สีคล้ำและมีรอยย่น ถุงอัณฑะจะห้อยติดอยู่กับกล้ามเนื้อชนิดหนึ่งและจะหดหรือหย่อนตัว เมื่ออุณหภูมิของอากาศเปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิภายในถุงอัณฑะให้เหมาะสมกับการสร้างตัว อสุจิ ต่อมอัณฑะมีอยู่ 2 ข้าง ทำหน้าที่ผลิตเซลล์สืบพันธุเพศชายหรือเชื้ออสุจิ (Sperm) มีลักษณะรูปร่าง คล้ายกับไข,ไก,ฟองเล็ก ๆ มีความยาวประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร และหนักประมาณ 15 - 30 กรัม โดยปกติแล้วต่อมอัณฑะข้างซ้ายจะใหญ่กว่าต่อมอัณฑะข้างขวาเล็กน้อย ต่อมอัณฑะทั้งสอง จะบรรจุอยู่ภายในถุงอัณฑะ (Scrotum)
ภายในลูกอัณฑะจะมีหลอดเล็ก ๆ จำนวนมาก ขดเรียงกันอยู่เป็นตอน ๆ เรียกว่า หลอดสร้าง เชื้ออสุจิ (Seminiferous tubules) มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศชายและตัวอสุจิ ส่วนที่ด้านหลังของต่อมอัณฑะ แต่ละข้าง จะมีกลุ่มของหลอดเล็ก ๆ อีกมากมายขดไปขดมา ซึ่งเรียกว่า หลอดเก็บตัวอสุจิหรือกลุ่มหลอด อสุจิ (Epididymis) ซึ่งทำหน้าที่เก็บเชื้ออสุจิชั่วคราว เพื่อให้เชื้ออสุจิเจริญเติบโตได้เต็มที่
1.3 ท่อนำตัวอสุจิ (Vas deferens) อยู่เหนืออัณฑะ เป็นท่อยาวประมาณ 18 นิ้วฟุต ซึ่งต่อมา จากท่อพักตัวอสุจิ ท่อนี้จะเป็นช่องทางให้ตัวอสุจิ (Sprem) ไหลผ่านจากท่อพักตัวอสุจิไปยังท่อของถุงเก็บ อสุจิ
1.4 ท่อพักตัวอสุจิ (Epidymis) อยู่เหนือท่อนำตัวอสุจิ ท่อนี้มีลักษณะคล้ายรูปดวงจันทร์ ครึ่งซีก ซึ่งห้อยอยู่ติดกับต่อมอัณฑะ ส่วนบนค่อนข้างจะใหญ่เรียกว่า หัว (Head) และจากส่วนหัวจะเป็นตัว (Body) และเป็นหาง (Tail) นอกจากนี้ ท่อนี้ยังประกอบด้วยท่อที่คดเลี้ยวจำนวนมาก เมื่อตัวอสุจิลูกสร้างขึ้น มาแล้ว จะลูกส่งเข้าสู่ท่อนี้เพื่อเตรียมที่จะออกมาสู่ท่อปัสสาวะ
1.5 ต่อมลูกหมาก (Prostate gland) มีลักษณะคล้ายลูกหมาก เป็นต่อมที่หุ้มส่วนแรกของ ท่อปัสสาวะไว้และอยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะ ต่อมนี้ท่าหน้าที่หลั่งของเหลวที่มีลักษณะคล้ายนม มีฤทธิ์เป็น ต่างอย่างอ่อน ซึ่งขับออกไปผสมกับน้ำอสุจิที่ถูกฉีดเข้ามาในท่อปัสสาวะ ของเหลวดังกล่าวนี้จะเข้าไป ทำลายฤทธิ์กรดจากน้ำเมือกในช่องคลอดเพศหญิง เพื่อป้องกันไม,ให้ตัวอสุจิถูกท่าลายด้วยสภาพความเป็น กรดและเพื่อให้เกิดการปฏิสนธิขึ้น
เซลล์สืบพันธุเพศชายซึ่งเรียกว่า “ตัวอสุจิหรือสเปิร์ม” นั้น จะถูกสร้างขึ้นในท่อผลิตตัวอสุจิ (Seminiferous tubules) ของต่อมอัณฑะ ตัวอสุจิ มีรูปร่างลักษณะคล้ายลูกออดหรือลูกกบแรกเกิด ประกอบด้วยส่วนหัวซึ่งมีขนาดโต ส่วนคอคอดเล็กกว่าส่วนหัวมาก และส่วนของหางเล็กยาวเรียว ซึ่งใช้ในการแหวกว่ายไปมา มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 0.05 มิลลิเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าไข,ของเพศหญิง หลายหมื่นเท่า หลังจากตัวอสุจิถูกสร้างขึ้นในท่อผลิตตัวอสุจิแล้วจะฝังตัวอยู่ในท่อพักตัวอสุจิจนกว่าจะ เจริญเต็มที่ ต่อจากนั้นจะเคลื่อนที่ไปยังถุงเก็บตัวอสุจิ ในระยะนี้ต่อมลูกหมากและต่อมลื่น ๆ จะช่วยกัน ผลิตและส่งของเหลวมาเลี้ยงตัวอสุจิ และจะสะสมไว้จนถึงระดับหนึ่ง ล้าหากไม,มีการระบายออกด้วยการ มีเพศสัมพันธ์ ร่างกายก็จะระบายออกมาเอง โดยให้น้ำอสุจิเคลื่อนออกมาตามท่อปัสสาวะในขณะที่กำลัง นอนอยู่ ซึ่งเป็นการลดปริมาณน้ำอสุจิให้น้อยลงตามธรรมชาติ
ตัวอสุจิประกอบด้วยส่วนหัวที่มีนิวเคลียสอยู่เป็นที่เก็บสารพันธุกรรม ปลายสุดของหัวมีเอนไซม์ ย่อยผนังเซลล์ไข,หรือเจาะไข,เพื่อผสมพันธุ ลัดจากหัวเป็นส่วนของหางใช้ในการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ
2) ระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิง
อวัยวะสืบพันธุของเพศหญิงส่วนใหญ่จะอยู่ภายในลำตัว ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ ๆ ตังนี้
2.1 ช่องคลอด (Vagina) อยู่ส่วนล่างของท้อง มีลักษณะเป็นโพรงซึ่งมีความยาว
3-4 นิ้วฟุต ผนังด้านหน้าของช่องคลอดจะติดอยู่คับกระเพาะปัสสาวะ ส่วนผนังด้านหลังจะติดคับส่วน ปลายของลำไส้ใหญ่ ซึ่งอยู่ใกล้ทวารหนัก ที่ช่องคลอดนั้นมีเส้นประสาทมาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณรอบรูเปิดช่องคลอด นอกจากนี้ รูเปิดของท,อปัสสาวะในเพศหญิงนั้นจะเปิด ตรงเหนือช่องคลอดขึ้นไปเล็กน้อย
2.2 คลิทอริส (Clitoris) เป็นปมเล็ก ๆ ซึ่งอยู่บนสุดของรูเปิดช่องคลอด มีลักษณะ เหมือนคับลึงค์ (Penis) ของเพศชายเกือบทุกอย่าง แต่ขนาดเล็กกว่าและแตกต่างคันตรงที่ว่าท,อปัสสาวะ ของเพศหญิงจะไม่ผ่านผ่ากลางคลิตอริสเหมือนกับในลึงค์ ประกอบด้วยหลอดเลือดและเส้นประสาท ต่างๆ มาเลี้ยงมากมายเป็นเนื้อเยื่อที่ยืดได้หดได้และไวต่อความรู้สึกทางเพศ ซึ่งเปรียบได้คับปลายลึงค์ของ เพศชาย
2.3 มดลูก (Uterus) เป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ และมีลักษณะภายในกลวง มีผนัง หนาอยู่ระหว่างกระเพาะปัสสาวะซึ่งอยู่ข้างหน้าและส่วนปลายลำไส้ใหญ่ (อยู่ใกล้ทวารหนัก) ซึ่งอยู่ข้าง หลังไข,จะเคลื่อนตัวลงมาตามท่อรังไข, เข้าไปในโพรงของมดลูก ถ้าไข่ได้ผสมคับอสุจิแล้วจะมาผ่งตัวอยู่ ในผนังของมดลูกที่หนาและมีเลือดมาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ไข,จะเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนตรงบริเวณนี้
2.4 รังไข่ (Ovary) มีอยู่ 2 ต่อม ซึ่งอยู่ในโพรงของอุ้งเชิงกราน มีรูปร่างค่อนข้างกลมเล็ก มีน้ำหนักประมาณ2-3 กรัม ขณะที่ยังเป็นตัวอ่อนต่อมรังไข,จะเจริญเติบโตในโพรงของช่องท้องและเมื่อ คลอดออกมาบางส่วนจะอยู่ในช่องท้อง และบางส่วนจะอยู่ในอุ้งเชิงกราน ต่อมาจะค่อย ๆ เคลื่อนลดลงต่ำลง มาอยู่ในอุ้งเชิงกราน นอกจากนี้ต่อมรังไข่จะหลั่งฮอร์โมนเพศหญิงออกมาท่าให้ไข,สุก และเกิดการตกไข,
2.5 ท่อนำไข่ (Fallopain tubes) ภายหลังที่ไข,หลุดออกจากส่วนที่ห่อหุ้ม (Follicle) แล้วไข, จะผ่านเข้าสู่ท่อรังไข, ท่อนี้ยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร ปลายข้างหนึ่งมีลักษณะคล้ายกรวยซึ่งอยู่ใกล้คับ รังไข, ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งนั้นจะเรียวเล็กลงและไปติดคับมดลูก ท่อรังไข,จะท่าหน้าที่นำไข,เข้าสู่มดลูก โดยอาศัยการพัดโบกของขนที่ปากท่อ (Fimbriated end of tube) ซึ่งท่าหน้าที่คล้ายคับนิ้วมือจับไข,ใส่ไป ในท่อรังไข,และอาศัยการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบ
เซลล์สืบพันธุเพศหญิงหรือไข,นั้น สร้างโดยรังไข่ ไข่จะเริ่มสุกโดยการกระตุ้นของฮอร์โมนจากต่อม พิทูอิทา'รีเพื่อเตรียมที่จะสืบพันธุต่อไปรังไข่แด,ละข้างจะผลิตไข่สลับกันข้างละประมาณ 28 -30วัน โดยผลิตครั้งละ 1 ใบ เมื่อไข่สุกจะหลุดออกจากรังไข่มาตามท่อรังไข่ ในระยะนี้ผนังมดลูกจะมีเลือด มาหล่อเลี้ยงเยื่อบุมดลูกมากขึ้น เพื่อเตรียมรอรับไข่ที่จะได้รับการผสมแล้ว จะมาฝังตัวลงที่เยื่อบุมดลูกตรง ผนังมดลูกนี้และเจริญเติบโตเป็นทารก และถ้าไข่ไม่ได้รับการผสมจากตัวอสุจิ ไข่จะสลายตัวไปพร้อมกับ เยื่อบุมดลูกและจะออกมาพร้อมกับเลือด เรียกว่า ประจำเดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น